
สถานที่ท่องเที่ยวที่ถือว่าอยู่ใกล้กรุงเทพฯ ถ้าให้พูดถึงคงอยู่รอบภาคกลางของบ้านเรา ที่พูดได้เต็มปากว่า “สุขกลางใจ ใกล้แค่เอื้อม” ก็คงจะเข้าใจได้ไม่ยาก เพราะว่าหลายๆ จังหวัดในภาคกลางนั้นอยู่ใกล้ใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 2 ชั่วโมง หรือพูดง่ายๆ ก็คือไปเที่ยวแบบไปเช้า เย็นกลับ ได้สบายๆ และที่สำคัญคือเดินทางสะดวก ไม่ว่าจะขับรถไปเที่ยวเอง หรือจะเดินทางโดยรถโดยสารก็ทำได้ง่าย
นอกจากนี้หลายจังหวัดในภาคกลางนั้นถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่พาเราย้อนอดีตไปพบกับความยิ่งใหญ่ทางประวัติศาสตร์ และแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นก็คือจังหวัด “พระนครศรีอยุธยา” กรุงเก่าที่เก็บร่องรอยประวัติศาสตร์ที่สำคัญๆ หลายแห่งไว้ให้เราเดินทางไปท่องเที่ยว ศึกษา หรือไปเติมความสุข เติมบุญได้สบายๆ ซึ่งหากใครที่เดินทางไปเที่ยวเป็นประจำอยู่แล้วก็คงสัมผัสได้กับความยิ่งใหญ่ของสถานที่ท่องเที่ยวในแต่ละแห่ง ซึ่งยังคงมีภาพความทรงจำที่สวยงามในหลายที่ แต่สำหรับใครที่ยังไม่เคยไป หรือยังไม่ได้มีเวลาไปสัมผัสกลิ่นอายประวัติศาสตร์แบบเต็มที่ วันนี้จะขอพาไปเติมความสุข ใกล้กรุงเทพฯ ด้วยกันนะครับ
วิหารพระมงคลบพิตร
วัดพระศรีสรรเพชญ์
พระนครศรีอยุธยา ถือว่าเป็นเมืองหลวงที่ยิ่งใหญ่ เจริญรุ่งเรืองมายาวนาน และนั่นทำให้ที่นี่ยังคงมีร่อยรอยประวัติศาสตร์ที่สำคัญๆ หลายแห่ง และที่ไม่ควรพลาดในการมาเที่ยวที่นี่ก็คือการมาไหว้พระให้แวะไปสักการะ ขอพร สิ่งศักดิ์สิทธิ์ สำหรับผมชอบทุกวัดที่แวะไป ซึ่งก่อนอื่นก็แวะไปกราบพระมงคลบพิตร พระพุทธรูปสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ ที่ตั้งอยู่ในวิหารพระมงคลบพิตรเริ่มต้นด้วยการไหว้พระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์แบบนี้ รับรองราบรื่นตลอดทริปแน่นอน
จากนั้นก็เดินต่อไปยังวัดพระศรีสรรเพชญ์ซึ่งอยู่ทางทิศเหนือของวิหารพระมงคลบพิตร สามารถจอดรถไว้แล้วเดินมาได้เลยจ้าโดยวัดนี้มีจุดเด่นคือ เจดีย์ใหญ่ 3 องค์ ที่ตั้งเด่นเป็นสง่าซึ่งภายในเจดีย์ศรีสรรเพชญดาญาน หนึ่งในสามเจดีย์ใหม่นั้นใช้เป็นที่บรรจุพระอัฐิของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ดังนั้นวัดแห่งนี้จึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในสมัยนั้น และจากการที่ได้เห็นด้วยตาตัวเองก็สัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ที่ทำให้อยากรู้เลยว่าถ้าภาพของวัดนี่ในสภาพที่สมบูรณ์จะยิ่งใหญ่ขนาดไหน
จากนั้นก็แวะไปที่ วัดมหาธาตุ วัดเก่าแก่ที่อยู่ในเกาะเมืองด้านในเช่นกัน ใช้ระยะเวลาการเดินทางไม่เกิน 10 นาที ก็มาถึงแล้วครับ วัดแห่งนี้มีความสำคัญยิ่งในสมัยกรุงศรีอยุธยา เพราะเป็นวัดที่ประดิษฐานพระบรมธาตุใจกลางพระนคร และเป็นที่พำนักของสมเด็จพระสังฆราชฝ่ายคามวาสีด้วย วัดแห่งนี้ได้รับการดูแลอย่างดีจวบจนถูกทำลายลงหลังเสียกรุงศรีอยุธยา ครั้งที่ 2 ซึ่งภายในวัดนั้นก็มีหลักฐานความเสียหายจากพระพุทธรูปต่างๆ ที่ถูกทำลายไปมาก รวมทั้งสิ่งปลูกสร้างที่เหลือเพียงแค่รากฐานเท่านั้น ที่วัดแห่งนี้มีสิ่งก่อสร้างที่สำคัญได้แก่ พระปรางค์ขนาดใหญ่ เจดีย์แปดเหลี่ยม และวิหารต่างๆ ที่สำคัญมากมาย และที่ไม่ควรพลาดคือ เศียรพระหน้าวิหารเล็กที่ถูกรากไม้ส่วนหนึ่งล้อมเศียรพระพุทธรูปไว้ ซึ่งถือว่าเป็นไฮไลท์ที่สำคัญของวัดแห่งนี้เช่นกัน ซึ่งวัดแห่งนี้ก็ได้รับความสนใจจากการเข้าชมของนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นจำนวนมาก ซึ่งสังเกตเห็นได้ทุกครั้งที่ไปเยือนวัดแห่งนี้ครับ แต่สิ่งหนึ่งที่สัมผัสได้จากวัดแห่งนี้คือความสงบ ที่แม้จะมีนักท่องเที่ยวมากมาย ซึ่งก็อาจจะเป็นเพราะบรรยากาศที่ดูมีมนต์ขลัง แถมยังมีความร่มเย็นของไม้ใหญ่ที่มีให้เห็นอยู่ทั่ววัด เป็นอีกวัดที่ทำให้อิ่มบุญ อิ่มใจไม่เบา
ออกมาที่นอกเกาะเมืองกันบ้างขับรถออกมาเพียง 4 กิโลเมตร ใช้เวลาไม่เกิน 15 นาที ก็จะมาถึงอีกวัดที่สำคัญแห่งหนึ่งในอยุธยานั่นก็คือวัดใหญ่ชัยมงคล วัดนี้ถือว่าเป็นวัดที่นักท่องเที่ยวต่างชาติแวะมามากมายเช่นกัน ซึ่งวัดนี้อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะพระนคร ซึ่งจุดเด่นคือเจดีย์องค์ใหญ่ ที่เป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในอยุธยา ที่ได้รับการปฏิสังขรณ์ตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งภายในเจดีย์ได้ค้นพบชัยมงคลคาถาบรรจุอยู่ และภายในอุโบสถ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธชัยมงคล พระประธานที่เป็นสิ่งศักดิ์ของวัด วัดนี้เป็นอีกวัดที่สัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ของเจดีย์ที่สภาพถือว่าสภาพยังคงสมบูรณ์ แต่กลับได้รับความสงบใจจากพระพุทธรูปที่อยู่รายล้อมองค์เจดีย์ อีกทั้งองค์พระนอนที่อยู่วิหารข้างๆ ดังนั้นมาวัดนี้ถือว่าไหว้พระคุ้มเลยครับ
นอกจากนี้ยังมีวัดสำคัญทางประวัติศาสตร์อีกหลายแห่งที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้น ซึ่งแต่ละแห่งก็ใช้เวลาการเดินทางไม่นาน จึงทำให้มีชาวพุทธหลายคนมักจะใช้เวลาว่างวัดหยุดเดินทางไหว้พระ 9 วัดรอบอยุธยา โดยใช้เวลาแค่วันเดียวได้สบายๆ
นอกจากวัดที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์แล้วที่นี่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายแห่งที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นตลาดน้ำโบราณต่างๆ หรือจะเป็นพระราชวังที่สำคัญ ได้แก่ พระราชวังบางปะอิน ซึ่งตั้งอยู่ที่ ตำบลบ้านเลน อำเภอบางปะอิน ซึ่งอยู่ห่างจากเกาะเมืองเพียงแค่ 20 กิโลเมตร ซึ่งพระราชวังแห่งนี้เป็นพระราชวังโบราณตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา สร้างโดยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง เนื่องจากเป็นที่ประสูติของพระองค์ จึงใช้เป็นสถานที่ประทับแรมของพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา เนื่องด้วยเป็นพระราชวังที่อยู่ใกล้พระนคร
สำหรับที่นี่ทำให้เราได้สัมผัสกับสถาปัตยกรรมทั้งไทย ตะวันตก และจีน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศให้ความสนใจอย่างมาก แม้ว่าพื้นที่ภายจะกว้างขวาง แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกเหนื่อยเพราะเป็นสถานที่ที่ทำให้ผมถ่ายรูปเพลินเลยครับ มีมุมสวยๆ ให้ถ่ายรูปเพียบครับ
นอกจากจะได้เยี่ยมชมความสวยงามของพระราชวังบางปะอินแล้ว ยังสามารถแวะไปชมความสวยงามของ วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร พระอารามหลวงชั้นเอก ที่อยู่ติดกับพระราชวัง ซึ่งที่นี่มีความสวยงามเนื่องจากว่าเป็นวัดที่สร้างในรูปแบบสถาปัตยกรรมกอทิกที่เลียนแบบโบสถ์คริสต์นั่นเอง โดยสร้างตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยภายพระอุโบสถนั้นสวยงาม และเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธนฤมลธรรโมภาส เป็นประธาน
หลังจากไหว้พระขอพรกันเรียบร้อย พาไปอิ่มอร่อยกันบ้างดีกว่าครับ เค้าว่ามาอยุธยาถ้าไม่กินกุ้ง ก็คงมาไม่ถึงอยุธยา เลยขอพาไปกินกุ้งแม่น้ำตัวโตๆ กันที่ร้าน “รวยกุ้งเผา” ซึ่งร้านนี้หลายคนอาจจะไม่ค่อยคุ้นหูนัก แต่เราสองคนชอบมาที่นี่ เพราะบรรยากาศเป็นร้านแพที่อยู่ในน้ำ ทำให้บรรยากาศสวย สบายตา ยิ่งได้อิ่มอร่อย กับกุ้งแม่น้ำตัวโตๆ ที่สด เนื้อหอมหวาน ยิ่งได้น้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ด แค่นี้ก็ทำให้น้ำลายสอแล้วครับ นอกจากนี้ยังมีเมนูอร่อยๆ อีกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นต้มยำปลาคังที่รสชาติจัดจ้าน ทอดมัน หรือจะเป็นปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียม ที่แต่ละเมนูอร่อยไม่แพ้กันเลยจ้า สำหรับที่ร้านรวยกุ้งเผา นั้นอยู่ที่อำเภอบางไทร ใช้เส้นทางไปศูนย์ศิลปาชีพบางไทร จากนั้นข้ามสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา โดยมุ่งหน้าไปอำเภอเสนา (เส้นทาง 3111) ขับไปเรื่อยๆ ให้สังเกตสะพานพระยาบันลือ เมื่อลงสะพานปุ๊บให้ชิดขวาแรกเลยนะครับ จากนั้นก็เบี่ยงขวาสุดไปทางแยกบ้านญวน แล้วให้ตรงไปทางโรงเรียนไตรราชวิทยา เมื่อถึงโรงเรียน ก็จะสังเกตเห็นป้ายร้านจากนั้นก็ขับตามป้ายไปเรื่อยๆ ครับ ทางไปอาจจะซับซ้อน แต่พอถึงร้านรับรองฟินกับกุ้งแม่น้ำตัวโตๆ แน่นอนจ้า
สำหรับที่อยุธยาไม่ได้มีดีแค่กุ้งแม่น้ำ กับสายไหมอย่างเดียวนะครับ จะพาไปอิ่มอร่อยกับขนมจีนรสชาติเด็ดอย่าบอกใครที่ร้าน “ขนมจีนต้นก้ามปู อโยธยา” ซึ่งร้านนี้อยู่ใกล้กับวัดใหญ่ชัยมงคลไม่ถึง 100 เมตรเลยจ้า ดังนั้นไหว้พระที่วัดเสร็จหรือจะรองท้องก่อนก็สะดวกไม่แพ้กัน สำหรับที่นี่บรรยากาศสวยงามเข้ากับเมืองอยุธยา ด้วยเพราะเป็นบ้านไม้เรือนไทยริมถนนอโยธยา แถมความร่มรื่นด้วยร่มเงาของต้นก้ามปูขนาดใหญ่ที่แทรกตัวอยู่กลางร้าน ที่สำคัญอาหารที่นี่นอกจากขนมจีนเส้นสดทำเอง กับน้ำยาต่างๆ โดยเฉพาะน้ำยาปูก้อน ที่จัดเต็มเนื้อปูก้อนใหญ่สุดๆ คนที่ชอบขนมจีนรับรองฟิน นอกจากนี้ยังมีอาหารเหนือ รสชาติดีไม่ว่าจะเป็นส้มตำ ออเดิร์ฟเมือง หรือจะเป็นของหวานแบบไทยๆ ก็มีให้เลือกอิ่มอร่อยเพียบเลยนะครับ
เมื่ออิ่มมื้อหลักแล้วก็ยังสามารถเติมความสดชื่น ที่ร้าน “ก้ามปู คาเฟ่/Kampu café” คาเฟ่บรรยากาศดีในแบบบ้านไม้เรือนไทย ที่ไม่ต้องไปไหนไกล เพราะอยู่ติดกับร้านขนมจีนนี่เลยจ้า เลยขอเติมความสดชื่นด้วย “ลาเต้เย็น” รสชาติหอม หวาน เข้มข้น ดื่มแล้วชื่นใจคลายร้อน พร้อมเดินทางต่อแล้วครับ
หากยังไม่หนำใจก็ขอพาไปเติมความหวานที่ร้น “BUSABA Café”คาเฟ่เล็กๆ บรรยากาศน่ารักๆ ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับวัดมหาธาตุดังนั้น ถ้าแวะมาที่วัดนี้ก็จอดรถไว้แล้วไหว้พระขอพรเรียบร้อย ก็แวะมาหลบร้อนได้ที่นี่ ซึ่งบรรยากาศของร้านบุษบา คาเฟ่ นั้นเป็นร้านขนาดห้องแถว 1 คูหา ที่ด้านในตกแต่งด้วยผนังอิฐ ที่เข้ากับบรรยากาศกำแพงอิฐของวัดมหาธาตุได้ดี นอกจากนี้ภายในยังเติมความน่ารักด้วยของซื้อของฝากน่ารักๆ ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋า พวงกุญแจ อุปรณ์เครื่องใช้ต่างๆ จากนั้นก็มาเติมความสดชื่นด้วย “ชาไทยลาเต้” ชาเย็นรสชาติเข้มข้น เติมความหวานด้วยสายไหมด้านบน หอม หวาน ชื่นใจ หรือจะเป็น “น้ำเสาวรสปั่น” ที่ได้รสชาติเปรี้ยวถึงใจ สดชื่นไม่เบาเลยจ้า แล้วก็เติมความหวานซ่อนเปรี้ยวด้วย “ชีสเค้ก” รสชาติหอม หวาน และเติมความเปรี้ยวด้วยเสาวรสสด ราดบนเนื้อเค้ก แก้เลี่ยนได้สบายๆ จ้า
สำหรับอยุธยา นั้นนอกจากจะใกล้กรุงเทพฯ นิดเดียวแล้ว สถานที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่งก็อยู่ไม่ไกลกันด้วย ดังนั้นหากมีเวลาว่างเพียงแค่เล็กน้อย ก็สามารถขับรถมาเที่ยวที่นี่ได้สบายๆ ถือว่าเป็นการพักผ่อนที่ได้ความรู้ ความประทับใจของประวัติศาสตร์กรุงเก่าอย่างกรุงศรีอยุธยาอีกด้วย ที่สำคัญอาหารการกินของที่นี่ก็มีให้เลือกหลากหลายทั้งคาวหวาน หรือหากใครมีเวลาก็สามารถแวะพักค้างคืนได้ ที่พักในอยุธยาก็มีให้เลือกหลากหลายสไตล์ จะได้เที่ยวกันแบบเต็มอิ่มลึกซึ้งกว่าเดิม เรียกว่า “สุขกลางใจ ใกล้แค่เอื้อม” อย่างแท้จริงเลยครับ เอาเป็นว่าวันหยุดนี้ไปเที่ยวอยุธยากันมั้ยครับ